
ห้องนอน — ใช้ Warm White (แสงขาวอมเหลือง)
เพราะห้องนอนคือพื้นที่พักผ่อน เราเลยควรเลือกแสงที่ อุ่น นุ่ม สบายตา ซึ่ง Warm White ประมาณ 2700–3000K ตอบโจทย์ที่สุดครับ
.
– แสงโทนนี้จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย หลับง่าย ไม่กระตุ้นสมอง
– ถ้าชอบมีไฟหัวเตียง แนะนำเป็นโคมไฟตั้งโต๊ะ หรือไฟที่ปรับระดับความสว่างได้จะยิ่งดีครับ

ห้องนั่งเล่น – ใช้ Daylight + Warm White ผสมกัน
ห้องนี้ควรมี “แสงที่ยืดหยุ่น” เพราะเราใช้ทำหลายอย่าง เช่น ดูทีวี อ่านหนังสือ คุยกับครอบครัว ฯลฯ
.
– การใช้แสง Daylight (แสงขาวจ้า) เป็นแสงหลัก ทำให้ห้องดูสว่าง โล่งขึ้น
– อาจเสริม Warm White จากโคมไฟ หรือไฟซ่อนไว้ตามผนัง จะช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นเวลานั่งชิล
– พอมีไฟหลายโทนแบบนี้ เราสามารถเปลี่ยนอารมณ์ห้องได้เลยตามช่วงเวลา เช่น ตอนค่ำก็ปิดไฟหลัก เปิดแค่ไฟอุ่น ๆ ห้องจะดู cozy ขึ้นทันตา

ห้องน้ำ – ใช้ Cool White หรือ Daylight
ห้องน้ำต้องชัดครับ! เพราะเราใช้งานกับหน้าตัวเองเยอะมาก จะล้างหน้า แต่งหน้า โกนหนวด ต้องมองชัด ๆ
– Cool White (แสงขาวอมฟ้า) หรือ Daylight จะให้แสงที่สว่างพอดี แบบไม่เหลือง ไม่หม่น
– ถ้ามีโซนอาบน้ำแยก อยากให้ลองติดไฟ soft light แยกอีกชุด ก็จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่ในสปาเลยครับ

ห้องครัว – ใช้ Cool White หรือ Daylight
ครัวต้องใช้แสงที่สว่างชัด เพราะเกี่ยวกับอาหารโดยตรง ทั้งเรื่องความสะอาด สีสัน และความปลอดภัย
– Cool White ให้แสงคมชัด เห็นชัดเวลาเตรียมวัตถุดิบ
– Daylight ก็ใช้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะตรงซิงก์หรือตู้กับข้าวที่ต้องมองหาของชัด ๆ
– แนะนำให้เพิ่ม Spot Light ตรงพื้นที่ทำอาหาร หรือไฟใต้ตู้แขวนไว้ด้วย จะช่วยให้ทำงานในครัวได้แม่นขึ้นเยอะ
.
“สีไฟในบ้าน” ส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกในการอยู่อาศัยได้จริง แต่ละห้องในบ้าน ต่างก็มีโทนแสงไฟที่เหมาะสมของตัวเอง โพสต์นี้เราจะมาแนะนำว่า ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว หรือห้องน้ำ ควรใช้โทนแสงแบบไหนถึงจะอยู่แล้วรู้สึกดีที่สุด
_______________________________________________________________________________
Decco Go Spark สร้างสรรค์พื้นที่ ส่งเสริมมูลค่า ในทุกมิติ สปาร์คเนื้อหาดี๊ดี เพราะเรื่องพื้นที่เราจะหยิบมาแชร์